9 ก.พ. 2540
ทริปนี้เป็นทริปเดียวกันกับป่าหินงามครับ ออกจากป่าหินงามเราก็ตรงเข้าภูหินร่องกล้า คืนแรกจำไม่ได้ว่านอนรีสอร์ทไหน แต่คืนที่สองพวกเราพักที่บ้านพักของอุทยาน หนาวมาก อาบน้ำขันแรก ตัวชากันเลย เพราะไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น มีแต่โอ่งกับขันน้ำ 1 ใบ ต้องรีบจ่วงน้ำ (ตักน้ำ) รีบถูสบู่ รีบเช็ดตัว รีบออกจากห้องน้ำ ไม่งั้นแข็งตายแน่ๆ แต่ก็มีหลายคนในทริปนี้สบายตัวไป เพราะมันไม่อาบน้ำ
เปิดตัวภาพแรกกับเธอคนนี้ “ปุกปุย”
นักล่าฝันในวันนั้น แต่ไม่ใช่ เหล่า AF นะครับ
ถ่ายกับเพื่อนซี้ คุณ สันติ กับ คุณ บอย Cp ระหว่างพากันเดินไปพิชิตฝัน
ลานหินแตก เป็นลานหินกว้างๆ ลักษณะเหมือนดินแตกระแหง แต่ที่นี่เป็นหิน ร่องหินที่แตกก็ลึกขนาดตัวคนลงไปหลบภัยได้ เพราะที่นี่มีการยิงกันระหว่างที่ทหารฝ่ากระสุนของคอมมิวนิสต์เพื่อจะเข้าไปยึดผาชูธง พวกเขาเหล่านั้นก็อาศัยผลุบๆโผล่ๆ ตามร่องหินนี่แหล่ะ ยังมีร่องรอยกระสุนปีนใหญ่ที่ยิงแล้วตกลงมาที่นี่หลายจุดให้ชมกัน
เดินกันมาไกล ขอพักเหนื่อยกันก่อน หลายคนอิจฉาคนที่นุ่งโสร่งกอดสาวใส่เสื้อแดง เพราะจู๋จี๋กันตลอดทาง ( คุณหก น้ำปลาตราหน่อไม้ )
เเว่นที่ผมใส่เป็นแว่นตัวเดียวกันกับที่ เจ้าหลานดอมอยากขึ้น facebook ใส่นั้นแหล่ะ ทุกวันนี้ผมยังใช้อยู่ประจำ
จนมาถึงลานหินปุ่ม พักกันอีก ก็เหนื่อยกันพอสมควร จนนักล่าฝันกลุ่มนี้ ชักเริ่มไม่อยากจะล่า แต่เมื่อมีคนเดินต่อ ก็ต้องพากันไป
แล้วก็ถึงฝันของนักล่า “ผาชูธง” เห็นภาพนี้นึกถึงเพลงของ เสก โลโซ ที่เคยบอกว่า “ คนแน่แน่วเท่านั้น..ผู้ชนะ ”
ผาแห่งนี้เมื่อก่อนเคยปักธงดาวแดง คอมมิวนิสต์ เมื่อเหล่าทหารหาญ ยึดได้จึงปักธงไทยแทนครับ ทำไมต้องยึดที่แห่งนี้ เพราะหน้าผานี่สามารถมองเห็นเหล่าทหารหาญ ที่พยายามเคลื่อนทัพขึ้นมา ว่าอยู่จุดไหนกันบ้าง แล้วคอมมิวนิสต์ก็จะไปคอยดักรอ ซุ่มยิง วางแผนการสุ้รบ จนทำให้เหล่าทหารหาญผู้กล้าต้องเสียชีวิตอย่างมากมาย
เมื่อเหล่านักล่าฝันภูมิใจที่ได้พิชิตผาชูธงกันได้ไม่นาน ก็ต้องเศร้าเพราะต้องเดินกลับทางเดิมที่ผ่านมากันอีกรอบ ก็มันไกลนี่หว่า
(ทุกรูปสแกนจากภาพถ่าย 4x6)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น