14-17 ก.พ. 2547
ห่างหายไปนาน ไม่ได้ไปไหนงานก็ไม่ค่อยมี เที่ยวก็ไม่ได้เที่ยว นึกได้เราซื้อ printer มานานแล้ว มันสแกนได้ด้วย แต่ยังไม่เคยใช้สแกนเลย ต้องลองซักหน่อย เดินวนไป เดินวนมา ไปหยิบอัลบั้มรูปเก่าๆ ลองมาสแกนดูดีกว่า ใจจริงๆเราอยากสแกนฟิล์มนะ เคยเอาไปร้านถ่ายรูปแต่เขาไม่รับ บอกเราว่าฟิล์มเราเสีย สีเพี้ยนไปหมดแล้ว test รูป 4x6 กับ printer ตัวนี้ ใช้ได้เลย Hp OfficeJet 4500 สะดวก เร็ว สแกนได้แนวนอน ครั้งละ 2 ภาพ ในการสแกน 1 ครั้ง และสำหรับการสแกนครั้งล่ะ 3 ภาพ ต้องจัดรูปเป็นแนวนอน 1 ภาพ แนวตั้ง 2 ภาพ ไฟล์ที่ได้จะแยกออกมาเป็นไฟล์แต่ล่ะรูปให้อัตโนมัต โม้มานานไม่เข้าเรื่องสักทีเน๊อะ
ทริปนี้มันส์หยดติ๋ง ได้รสชาติตะรุเตาจริงๆ ทั้งอาหาร ที่พัก ธรรมชาติ สุดยอด
เมื่อก่อนคนเคยหนุ่มจ้า!!! ถ่ายบนเรือตอนกำลังเข้าเที่ยบท่าเรือตะรุเตา กล้องฟิล์ม Canon Eos50E – Konika iso 100
ด้านหลังเป็นล่องน้ำที่สมาชิกคนหนึ่งของวง ทีโบน มาจมน้ำเสียชีวิตที่นี่ ยืนยันได้ว่ามาเที่ยวที่นี่จริงๆ ตะรุเตา ไม่ได้โม้
ท่าเรือนี้ฝรั่งเคยมาถ่ายรายการ Survivor thailand
หาดอะไรจำไม่ได้ ด้านนึงเป็นหินแบบนี้ อีกด้านนึง เป็นทราย อยู่ในหาดเดียวกัน มีลำธารเป็นตัวแบ่งแยก
หาดทรายขาวๆ บนเกาะไข่ ใต้หินทะลุแห่งนี้ เกาะไข่ เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว เป็นกันอย่างนี้จริงๆ เฮฮาตามประสาคนหนุ่ม
คุณไฮ้ เสื้อน้ำเงินแขนยาว ตอนนั้นยังพอมีผมอยู่บ้าง ตอนนี้ปี 55 ไม่ต้องพูดถึง
คุณบอย CP เสือแดง ถือขวดน้ำหวานไว้ดื่ม ไม่ใช่ว่าชอบแต่มัน Hang ตั้งแต่เมื่อคืนวันนี้เลยต้องเติมน้ำหวานเป็นพลังงานซะหน่อย มาเกาะบุโหลนกันจ้า
ทานข้าวกลางวันที่นี่ เมนูทราบมาว่าเป็นกระเพราปลาหมืก แต่สิ่งที่ได้ ฮามากยังเล่ากันได้เรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้ มันไม่ใช่ผัดกระเพรา แต่เป็น ผัดโหระพาปลาหมึกล้วนๆ ไม่มีพริก ไม่มีน้ำปลา ไม่ใส่อะไรลงในกระทะนอกจากโหระพากับปลาหมึก ไม่มีเครื่องปรุงใดๆทั้งสิ้น จืดๆไม่มีรสชาติ ก็ต้องทนกินกันไป นี้แหล่ะรสชาติตะรุเตา
ถ่ายกับบ้านพักบนเกาะหลีเป๊ะ บริเวณหมู่บ้านชาวประมง อาบที่ใช้อาบ ในสมัยนั้นเป็นน้ำที่มาจากภูเขา น้ำไม่มีการกรอง น้ำเป็นสีแดงปนดินแดงอาบเสร็จตัวยังแดงอยู่เลย เวลาจะแปรงฟันต้องหาน้ำขวดมาต่างหาก อาหารก็เป็นแบบชาวเล (ชาวทะเล ชาวประมง) ที่เขาทำกินกัน จืดๆ ไม่มีพริก ไม่มีเครื่องเทศ แบบว่ากินไม่อร่อย สามวันที่ผ่านมากินได้แต่ไข่เจียว นี่แหล่ะได้รสชาติสมกับมาเที่ยวตะตุเตาจริงๆมันส์ไปอีกแบบ ชาวเลที่นี่ไม่พูดภาษาไทย ไม่พูดภาษายาวี ไม่ใช่ชาวมอร์แกน แต่เป็นชาวเลเฉพาะท้องถิ่น ผู้ชายผู้หญิงไม่ค่อยใส่เสื้อแม้แต่สาวๆ ไปยันแก่ ผมพูดถึงในสมัยที่ผมเที่ยวนะครับ สมัยนี้อาจเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปเยอะแล้ว ชาวเลที่นี่ชอบอวดเครื่องเสียง บ้านไหนมีเครื่องเสียงบ้านนั้นรวยมาก พอตกเย็นเขาจะเปิดแข่งกันดังสนั่นเกาะไปเลย ในรูปเสื้อสีส้มตัวนี้ทุกวันนี้ผมยังใส่อยู่เลย
ตกกลางคืนพวกเราพากันเดินข้ามไปฝั่งหาดพัทยา หาดทรายที่นี่ไม่เหมือนใคร มันขาวละเอียดมาก จนต้องถอดรองเท้าเดิน ห้ามใส่รองเท้า เพราะมันละเอียดและนุ่มมากจนคล้ายแป้งมัน ไม่เคยสัมผัสทรายที่ไหนละเอียดเท่านี้มาก่อน เดินด้วยเท้าเปล่ายังได้ยินเสียงทรายละเอียดเหล่านั้นเสียดสีกันดัง เอี๊ยด ที่นั้นพวกฝรั่งพักอยู่เยอะ สมัยนั้นอาหารสดและถูกมาก ปลาหมึกสดขนาดอยู่ในถาดยังเปลื่ยนสีตลอดเวลาแต่เหนียวชะมัด ปลานกแก้ว ปลาสาก (ปลาบาราคูด้า) ตัวใหญ่ๆยาวๆ ยังนอนพะงาบปากอยู่เลย กุ้ง หอย ปู ปลา ฯลฯ อร่อยมาก
มีอย่างนึงที่อยากบอก มีใครรู้จัก “พรายน้ำ” บ้าง คนเก่าแก่แถบทะเลคงเคยเห็น ในขณะที่เราเดินบนหาดทรายพัทยานั้นเป็นช่วงกลางคืน แสงจันทร์สาดส่องลงมา เห็นเพื่อนที่เดินนำหน้าทิ้งรอยเท้าไว้ แต่รอยเท้านั้นมันเป็นแสงสีน้ำเงินอมฟ้าสะท้อนแสงตามรอยเท้า เป็นเม็ดระยิบระยับ เหมือนดวงดาวบนผืนทราย ก้มหยิบทรายขึ้นมาถูขยี้บนมือ มันก็แตกละเอียดเป็นฝุ่นผงสีน้ำเงินสะท้อนแสงเต็มมือ มันมีอยู่ทั่วทั้งหาด
พรายน้ำเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งตัวเล็กมากเหมือนฝุ่น เมื่อมีการเสียดสี หรือ กระแทก ตัวมันจะส่องแสงออกมา คงเคยเห็นโฆษณาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยชิ้นหนึ่ง ที่มี เบิรด์ ธงไชย แมคอินไตย์ ใช้มือกวาดน้ำแล้วเป็นแสงสีน้ำเงินตามรอยที่ใช้แขนหรือมือกวาดน้ำนั่นแหล่ะ “พรายน้ำ” อาจเป็นที่มาของคำว่าพรายน้ำในนาฬิกาที่ไว้ดูตัวเลขในตอนกลางคืนก็ได้ ทะเลแหล่งไหนมีพรายน้ำ แหล่งนั้นแหล่ะธรรมชาติบริสุทธิ
นั่งเรือแบบนี้เที่ยวเกาะใกล้ๆสนุกไปอีกแบบ เกาะไกลๆ ต้องเรือแบบนี้ 13 คนบนเรือลำนี้ ตลอดทริป
อีกสักภาพก่อนกลับโคราชบ้านเอ็ง ความจริงทริปนี้ไปเที่ยวหลายที่แต่รูปภาพหายหมด แต่ละที่งามมาก ยิ่งตอนลงน้ำสนอร์เกิ้ล ยิ่งสวย สรุปว่าตั้งแต่เที่ยวทะเลมาหลายแห่ง ที่นี่ ตะตุเตา ดีที่สุด สวยสุด ธรรมชาติสมบูรณ์สุดๆ สมัยนี้คงเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว แต่ก็ยังอยากกลับไปนะ