ต่อจากบทที่แล้วนะครับ พวกเรายังอยู่ ณ.จุดชมวิวกิ่วแม่ปานที่เดิม กันได้สักพักใหญ่ เรียกได้ว่าคงไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง คงเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ผมอยากอยู่ชมวิวนานๆ อยากให้ใครหลายๆคนมาลองสัมผัสดู อาจมีความรู้สึกเหมือนผมก็ได้
และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับ ข้อดีของการได้มาเที่ยวที่นี่ คือ ขากลับเราจะไม่เดินย้อนไปทางเก่าที่เรามา เส้นทางท่องเที่ยวนี้เป็นเหมือนเส้นวงกลม เส้นทางกลับคือเราต้องเดินหน้าต่อไป แล้วจะเจอทางออกเอง แน่นอนวิวที่เราเห็นมันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่จำเจ
เส้นทางเดินลงจากจุดชมวิว บางช่วงชันแต่ไม่มาก เดินค่อยข้างสบาย
บางช่วงลาดขันต้องมีราวกััน กันลื่นไถลด้วย ดีจริง
คุณจุ๋ม เพื่อนร่วมทริป ดูเหมือนจะมีความสุขตลอดทาง
จุดพักระหว่างทางกลับอีกหนึ่งจุดครับ
เชื่อมั๊ย ยอดเนินด้านหลังใกล้ๆมุมขวามือนั้นแหล่ะ เราเดินมาจากจุดชมวิวแรก
หินที่โด่ๆ มุมขวาล่าง นั้นชื่อ หินคู่รัก จั๊กกะใครเป็นคนตั้งชื่อ ลงไปดูใกล้ๆไม่ได้นะ มันอยู่ลึก
เดินทางกันต่อครับ
บางช่วงทางเดินได้ feel จริงๆ เรียกได้ว่าเดินกลับไม่มีคำว่าเหนื่อย คุณจะได้เดินคู่กับวิวตลอดทาง
เข้าสู่ช่วง ดงกุหลาบพันปี ที่มีอยู่มากมาย ดอกของมันไม่ได้ถ่ายมานะครับ คงต้องไป seach หาในเน็ตเอาหากใครอยากเห็น ความจริง กุหลาบพันปี มันไม่ใช่ กุหลาบ นะครับ
มีวิวให้เห็นสลับไปสลับมา ไม่มีเบื่อ ความเหนื่อยมันหายไปโดยไม่รู้ตัว
เดินมาถึงไฮไลท์อีกแห่ง คือ เราอยู่ที่กิ่วแม่ปาน แต่สามารถมองเห็น องค์พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล กับ พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ อยู่ด้านล่าง ที่นี่เป็นจุดชมวิวสุดท้ายแล้ว
ขอแบบหล่อๆสักภาพ จั๊กใครเดิ่งเข้ามาอยู่ในดวงตาฉัน
จากจุดนี้พวกเราต้องเดินเข้าป่ากันต่ออีกรอบ ไปจนถึงจุดที่เราเดินเข้ามา เหนื่อยอีกนิดนึง แต่ไม่มากนะ
เมื่อลงชื่อออกจากสถานที่เรียบร้อย ยังไม่วายเก็บภาพที่ถนนหน้าทางเข้ากันอีกรอบ
จบแล้วครับ ทริปกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ ของผม ความจริงผมขึ้นไปต่อที่จุดสูงสุดด้วย แต่ไม่ได้เอาภาพมาลง นะครับ ไว้ blog หน้าจะรวมๆภาพมาฝาก
ขอบคุณไกด์นำทางของผมด้วย คนใส่หมวกบานๆนั้นแหล่ะ แกชื่อไรไม่รู้จำไม่ได้แล้ว แกไม่บ่น ไม่เร่งเดิน ไม่เร่งเวลา อะไรทั้งนั้น ปล่อยให้พวกเราใช้เวลาเก็บเกี่ยวความสุขตามสบายใจ จะนานแค่ไหนก็ไม่ว่า
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ชม ภาค 1 นะครับ ไปที่ Link นี้ได้เลย
สวรรค์บนดิน กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ ปี 2557