Doi Pha Hom Pok , the second highest mountain in Thailand.
พวกเราเดินทางขึ้นดอยน่าจะเย็นของวันที่ 18 มกราคม เส้นทางค่อยข้างลำบากนิดนึง ระยะทางขึ้นไม่ไกล แต่ใช่เวลานานมาก รถเก๋ง หรือ โหลดต่ำ ไม่สามารถขึ้นได้ ควรใช้รถกระบะ หรือ suv ที่มีล้อสูงหน่อย หรือ รถที่มีแก้มยางสูงหน่อย จะดีมาก เส้นทางจะสลับ ถนนซีเมนต์ กับ ถนนดินปนหินที่มีร่องน้ำไหลผ่าน บางช่วงก็เป็นร่องลึกหน่อย ไม่รู้เขาเรียกถนนแบบนี้ว่าอะไร แต่นึกถึงตอนเด็กๆ ที่ต้องเข้าสวนผลไม้ก็เป็นถนนแบบนี้
จุดแรกที่เข้าเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก พวกเราพากันมาแวะที่นี่กันก่อน " น้ำพุร้อนฝาง " แต่ผมไม่ได้เข้าไปดูใกล้ๆนะครับได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆ เก็บภาพมานิดหน่อยพอเป็นกะสัย หากสังเกตุดีๆจะเห็นน้ำพุร้อน พุ่งสูงอยู่ด้านหลังไกลๆนู้น
ออกจากน้ำพุร้อน เราย้อนกลับออกมาถนนใหญ่ที่เราผ่าน แล้วอ้อมไปหาทางขึ้นดอยซึ้งจะเป็นทางเข้าอีกเส้นทางนึงคนล่ะเส้นกับน้ำพุร้อนฝาง
ก่อนขึ้นดอยผ้าห่มปก เราจะเจอด่านตรวจกันก่อนและที่ด่านตรวจจะมีอ่างเก็บน้ำห้วยบอนไว้ให้นั่งเล่นผ่อนคลายสวยดีครับ
เดินทางกันต่อครับ จนกระทั่งขึ้นมาถึงลานกางเต้นท์ ดอยผ้าห่มปก จอดรถ ติดต่อเจ้าหน้าที่เช่าเต้นท์ ผ้าห่ม ผ้าปู หมอน มีทุกอย่างสะดวกดี สำหรับกลุ่มใดที่ไม่ได้นำอาหารมาทำกินเอง จะมีร้านค้าของเจ้าหน้าที่ไว้คอยต้อนรับ เรียกว่าพร้อม ห้องน้ำรวม หากใครอยากอาบน้ำอุ่น จะมีห้องน้ำแยกออกไปอีกแห่งใกล้ๆกัน ค่าบริการ 50 บาท
พอดีจุดที่พวกเรากางเต้นท์อยู่ใกล้ศาลาเลยได้อานิสงฆ์จากหลังคา ไว้คอยกันน้ำค้างยามดึก ขนาดช่วง 4-5 โมงเย็น อากาศหนาวเย็นมาก ยิ่งดึกยิ่งหนาว
เหมาเต้นท์นอนทั้งแถบเลยทริปนี้
พวกเรานั่งเล่นนั่งคุยกันที่ศาลา จนถึงประมาณ 4-5 ทุ่ม ต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้าเต้นท์ของแต่ล่ะคน เพื่อที่ ตี 3 ครึ่ง จะมีเจ้าหน้าที่หรือไกด์นำทางที่เรานัดไว้มาปลุก เพื่อเดินขึ้นสู่ยอดดอยผ้าห่มปก
พอถึงเวลานัด ทีมเราที่จะไปนับได้ 11 คน ตอนแรกก็กระชุ่มกระชวยกันดีทุกคน ไฟฉายก็พร้อม ไกด์พานำทางเดินกันไปได้ไม่นาน ไฟฉายก็เริ่มดับที่ล่ะดวง เพราะแบตหมด โชคยังดีที่ยังมีอันสองอันที่ติดอยู่ พากันเดินขึ้นเขาแค่เนินแรก " เนินวัดใจ " มีอันต้องถอนตัวกลับไป 3 เพราะร่างกายไม่พร้อม ที่เหลือ 8 ยังเดินทางต่อ ในป่ามืดมาก ทางแยกเล็กๆก็เยอะ มีหมอกคลุมในป่าตลอดทาง แถมไม่มีป้ายบอกทาง หากใครเดินช้าอาจหลงทางได้ กลุ่มที่เดินนำหน้าต้องจอดรอ ให้กลุุ่มหลังเดินตามมาให้ทัน พวกเราใช้เวลา 3 ช.ม. เห็นจะได้ เดินไปพักไปรอเพื่อนไป ก็สนุกดี แล้วก็มาถึงยอดดอย
บนยอดดอยหมอกหนาจัด มองไม่เห็นวิว ลมแรง หนาว ทำได้แค่เพียงถ่ายรูปกับป้ายอุทยาน รอจนสายหมอกก็ยังไม่จาง
วันที่พวกเราไป กลุ่มอื่นมีแต่กำลังหนุ่มสาว แข็งแรง กลุ่มเราน่าจะอายุมากที่สุดแล้วมั๊ง 50 ต้นๆกันแล้วนี่
เมื่อไม่เห็นอะไรพวกเราเลยพากันลง แต่ตอนลงนี่แดดก็เริ่มมา เราจึงได้เห็น ผ้าห่มปก ของแท้
เริ่มเดินลงกันแบบจริงจังซะที ขึ้นมาตอนกลางคืนไม่เห็นอะไร ตอนลงนี่แหล่ะคุณจะได้สัมผัส ดอยผ้าห่มปก
จอดพักชมวิวข้างทาง
อย่างกับอยู่ในเกม หมอกยังจัดอยู่
บางช่วงเดินออกมาที่โล่งหน่อย
ช่วงที่เดินผ่านป่าผ้าห่มปก
ภาพนี้ชอบมากครับ สังเกตุดีๆ จะมีรูปเพื่อนผมเดินอยู่จางๆ ตรงแสงจ้าๆ สีขาว
เขียวแบบนี้นี่เอง เขาถึงเรียก ผ้าห่มปก
ภาพนำเสนอเลยครับ ภาพนี้ ผืนป่าอุดมสมบูรณ์มาก
เป็นรูปนักท่องเที่ยวท่านนึงครับ ที่เดินแซงพวกเราไป เลยจับจังหว่ะนี้ได้ ผมชอบ
รูปนี้ผมนึกถึง เกม Assassin Creed พอดีเป็นช่วงที่แสงแดดสาดส่องเข้ามาในป่า และเพื่อนผมที่เดินนำหน้าได้เข้าใกล้จุดๆนั้น เลยได้ภาพออกมาเป็นแบบนี้
จบแล้วครับ ทริปเดินป่า ผ้าห่มปก ประทับใจมาก รูปเยอะเกินไปต้องขออภัยด้วยนะครับ
เก็บภาพรวมกลุ่มก่อนลงจากดอย
ออกจากที่นี่ พวกเราไปต่อกันที่ แม่ตะมาน หากมีเวลาจะนำภาพมาให้ชมกันนะครับ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการได้เที่ยวเมืองไทยนะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้าชมนะครับ มีอะไรพูดคุย ก็แวะทักทายกันได้นะครับ
ตอบลบ